“ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” ยกสถานะ ทำซื้อวัคซีนโควิดได้ แต่ว่าจะต้องมาขอ อย.-สธ.
“วิษณุ” แจง “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” ชูสถานะเทียบเท่า กระทรวงทบวง กรม ทำให้ดีลซื้อวัคซีนวัววิด-19 เองได้ แม้กระนั้นจำเป็นต้องมาขอ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา-สธ. กระทั่งถึง ใช้งบฯตัวเอง อุดช่องว่างช่วงขาด ย้ำ เมื่อไทยผลิตเองจำเป็นต้องหยุด กระทั่งถึง รัฐบาลไม่ได้เอื้อ
วันที่ 27 พค. นายวิษณุ เครือสวย รองนายกฯ พูดถึงกรณีราชธุระนุเบกษา เผยแพร่ประกาศ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กล่าวถึงการให้บริการทางด้านการแพทย์และก็ การสาธารณสุข ในเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อเชื้อไวรัสวัวโรที่นา 2019 และก็ เหตุการณ์การรีบด่วนอื่นๆว่า ความแจ่มกระจ่างได้เกิดขึ้นวันนี้ เมื่อ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้ออกกฎเกณฑ์หรือเรียกว่า คำสั่งดวงตามมาอีกฉบับหนึ่งเพื่อขยายความ โดยมีความแจ่มกระจ่างขึ้น ดังนี้
1.ซึ่ง ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีอำนาจทางด้านกฎหมายของเขาที่จะออกประกาศอย่างงี้ได้ เพื่อนำเข้า วัคซีน ยา เวชภัณฑ์และก็อุปกรณ์ทางการแพทย์ ถ้าไม่ออกประกาศแบบนี้มาจะไม่อาจจะนำเข้าได้ และก็การออกประกาศดังกล่าวข้างต้นเพื่อมีอำนาจนำเข้า แม้กระนั้นไม่ใช่ว่าสามารถนำเข้ามาโดยอิสระ เพราะจำเป็นต้องกระทำตามข้อบังคับที่มีอยู่ทุกสิ่ง อย่างเช่น ขอ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) กระทรวงสาธารณสุข แม้กระนั้นถ้าไม่ออกประกาศมาก็จะไม่อาจจะขอยื่นอะไรได้เลย หรือ เรียกว่าตกคุณลักษณะ
2.คือการใช้อำนาจในช่วงวิกฤติเหตุการณ์ วัววิด-19 เท่านั้น และก็ใช้ช่วงที่วัคซีนขาด โดยกฎเกณฑ์ที่ นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้อธิบายว่า เมื่อเหตุการณ์นี้คลี่คลายอำนาจนี้ก็จะหมดไป หรือเมื่อผลิตวัคซีนขึ้นมาในประเทศได้อย่างพอเพียง ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จะหยุดการนำเข้าทั้งสิ้น
3.จำเป็นต้องกระทำตามตัวบทกฎหมายที่มีอยู่ทุกสิ่ง โดยเหตุนี้ประกาศดังกล่าวข้างต้นเพื่ออุดช่องว่างเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามคำถามว่า จะเป็นการจัดหาซ้ำซ้อนกับทางกระทรวงสาธารณสุข ที่กำลังปฏิบัติการอยู่ไหม นายวิษณุ พูดว่า ไม่ซ้ำซ้อน เพราะจำเป็นต้องไปขอจากกระทรวงสาธารณสุข อยู่ดี เพียงแค่เขาเป็นอีกช่องทางหนึ่ง เช่นเดียวกับเอกชน หรือใครๆที่ไปติดต่อแล้วกลับมาขอ โดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์มีประสิทธิภาพที่จะไปติดต่อกับหน่วยงานต่างชาติ อย่างเช่น สปุตนิก หรือแม้กระทั้ง ไฟเซอร์ และก็โมเดอร์ที่นา เช่นเดียวกับเอกชนผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยที่มีประสิทธิภาพ แม้กระนั้นก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เอกชนไม่มีปัญหาในเรื่องของคุณลักษณะ แม้กระนั้นราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีปัญหาเรื่องคุณลักษณะ จึงจำเป็นต้องออกประกาศมาว่า ตัวเองมีคุณลักษณะ แล้วจะมีสถานะเทียบเท่ากับเอกชนทั้งหลาย โดยจำเป็นต้องผ่าน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาร่วมอีกทั้ง ยาฟาวิพิราเวียร์ วัคซีน และก็เวชภัณฑ์ ไม่ว่าตัวใดก็จำเป็นต้องมาขอ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาอยู่ดี โดยภายหลังจากนี้ จะมีสมรรถภาพไปติดต่อเองได้ และก็เมื่อ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเห็นชอบก็เอาเข้ามาได้ แม้กระนั้นทั้งสิ้นใช้งบประมาณของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เอง โดยไม่ได้มาของบราวๆของเมือง เพราะมิเช่นนั้น กระทรวงสาธารณสุขก็จะไปทำเอง
เมื่อถามคำถามว่า โรงพยาบาลอื่นๆอย่างเช่น โรงพยาบาลจุฬาลงมือณ์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จะปฏิบัติการเหมือนกันกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้ไหม นายวิษณุ พูดว่า การที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเป็นไปตาม พระราชบัญญัติยา คนที่จะนำเวชภัณฑ์ เข้ามาได้ ถ้าเป็นราชการเป็นกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมหาวิทยาลัยของเมือง ก็อยู่ในข่ายตรงนี้อยู่แล้ว แม้กระนั้นราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ไม่อยู่ในข่าย เขาจึงจำเป็นต้องออกประกาศสถานะเขาขึ้นมา ถ้าเกิดในกรณีถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชน อย่างเช่น โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ เขาก็มาแบบเอกชนเขาทำเป็นอยู่ วันนี้เอกชนหลายเจ้าก็ทำกันอยู่ อย่างไรก็แล้วแต่เรื่องนี้ได้ตนอธิบายให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชะ นายกรัฐมนตรีและก็รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และก็ผู้อำนวยการศบค. พร้อมกับนายบันทึกประจำวัน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และก็รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าใจแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามคำถามว่า รัฐบาลปฏิบัติการเรื่องดังกล่าวข้างต้นอย่างรวดเร็วเพราะ องค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และก็นายกที่ประชุมราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เป็นผู้ลงนามใช่หรือไม่ใช่ นายวิษณุ พูดว่า “ตามพ.ร.บ.ประธานที่ประชุมราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เป็นผู้ลงนาม ซึ่งท่านท่านเป็นประธานที่ประชุมฯ โดยเหตุนี้ คนอื่นๆเซ็นชื่อไม่ได้ และก็ข้อบังคับก็เขียนไว้ว่า เมื่อเสร็จแล้วให้ลงในราชกิจจานุเบกษาเพื่อประกาศให้คนทั้งประเทศทราบว่า ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ยกฐานะขึ้น เพราะถ้าไม่มีการออกประกาศ และก็ถ้าเกิดไปยื่นขอจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ก็จะถูกตีกลับ เพราะไม่มีคุณลักษณะ”